วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทำไมเลือดถึงมีสีแดง


ลุงแม้นเคยถามเพื่อนบางคนว่าทำไมเลือดมีสีแดง เพื่อนเจ้ากรรมของลุงแม้นตอบว่าที่มันมีสีแดงก็เพราะมันเป็นเลือดงัย…แป่ว 555+ เล่นเอามึนไปหลายวินาที ตอบได้กำปั้นทุบหัวคันนามาก น้องๆหนูๆทราบหรือเปล่าครับว่าเพราะอะไรเลือดของเราถึงมีสีแดง วันนี้ลุงแม้นมีคำตอบมาให้ครับ ตามมาเลยครับ
สาเหตุที่เลือดมีสีแดงก็เพราะเลือกนั้นประกอบไปด้วยเม็ดเลือดแดง (นอกเหนือไปจากเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด) ในเม็ดเลือดแดงมีสารประกอบอย่างหนึ่งเรียกว่า “ฮีโมโกลบิน” หรือ Hemoglobin ซึ่งเป็นสารประกอบเชิงซ้อน มีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบสูง ทำหน้าที่ขนส่งอ๊อกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
ฮีโมโกลบิน เมื่อจับตัวกับอ๊อกซิเจนจะมีสีแดงสด เรียกว่า Oxyhemoglobin โดยจะถูกหัวใจฉีดส่งไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย เมื่ออ๊อกซิเจนถูกใช้หมดไปแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำหรือคล้ำ เรียกว่า Deoxyhemoglobin เม็ดเลือดแดงที่ไม่มีอ๊อกซิเจนแล้วนี้ จะถูกส่งผ่านหลอดเลือดดำ ส่งเข้าสู่ปอดเพื่อทำการฟอกหรือเติมอ๊อกซิเจนเข้าไปอีกรอบ จากนั้นส่งต่อไปที่หัวใจเพื่อสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายอีกครั้ง วนเวียนอยู่แบบนี้เรื่อยไป
น้องๆหนูๆเข้าใจแล้วใช่มั๊ยครับว่าทำไมเลือดถึงมีสีแดง :)

4G คืออะไร มีประโยชน์กับเราอย่างไร


4G คือเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายผ่านอุปกรณ์แบบเคลื่อนที่ (โทรศัพท์มือถือและแทบเล็ต) ในยุคที่ 4 หรือ 4th Generation Mobile Communications อาจจะเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า LTE (Long Term Evolution) แต่เดิมได้ถูกวางไว้เป็นระบบ 3.9G แต่ต่อมาได้ถูกพัฒนาความเร็วการเชื่อมต่อให้มากขึ้นและเปลี่ยนชื่อเป็นระบบ 4G นั่นเอง
จุดกำเนิดของระบบ 4G
ระบบ 4G ถูกกำหนดมาตรฐานขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2008 โดย International Telecommunications Union-Radio communications sector (ITU-R) โดยเรียกข้อกำหนดนี้ว่า The International Mobile Telecommunications Advanced specification (IMT-Advanced) ซึ่งได้กำหนดความเร็วของระบบ 4G ไว้ที่ 1Gbps แต่ด้วยขีดจำกัดทางด้านเทคโนโลยีและความพร้อมของผู้ให้บริการ จึงทำให้ระบบ 4G ในปัจจุบัน (ซึ่งถือว่าเป็นยุคเริ่มต้น) ทั้ง 2 ระบบคือทั้งแบบ WiMAX และ LTE ยังไม่สามารถทำความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้สูงตามข้อกำหนด IMT-Advanced โดยทำได้เพียง 100-120 Mbps เท่านั้น แต่คาดว่าเมื่อ WiMAX Release 2 ถูกประกาศใช้ จะสามารถทำความเร็วได้ตามข้อกำหนดข้างต้น โดยอาจจะมีชื่อเรียกว่าระบบ 5G
ความเร็วของระบบ 4G
ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ระบบ 4G ตามมาตรฐาน IMT-Advanced จะต้องสามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ที่ระดับ 1 Gbps แต่ปรากฏว่าเทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ ดังนั้นการให้บริการระบบ 4G ในปัจจุบันจึงให้บริการที่ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 100 Mbps และอัพโหลดที่ระดับความเร็ว 50 Mbps เป็นหลัก
ประโยขน์ของระบบ 4G
เนื่องจากการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงผ่านระบบไร้สายของระบบ 4G ทำให้เราสามารถใช้งานระบบ 4G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งทางด้านภาพและเสียง เช่น การดาวน์โหลดหรือรับชมวิดีโอ/ภาพยนต์แบบความคมชัดสูง (HD) การเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบโทรศัพท์ไร้สาย การรักษาพยาบาลในแหล่งทุรกันดาน การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของเกษตรกรและอาชีพอื่นๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้อุปกรณ์พกพาเช่น โทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต และ notebook computer สามารถทำงานได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
จากประโยชน์ของระบบ 4G ที่มากมายข้างต้น ทำให้ประเทศต่างๆหันมาใช้ระบบนี้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี สิงค์โปร์หรือแม้กระทั่งเพื่อบ้านใกล้ชิดของเราอย่างประเทศลาวก็มีการเปิดให้บริการระบบโทรศัพท์ 4G แล้ว แต่สำหรับประเทศไทยของเรา ทางบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ก็กำลังเริ่มทดสอบระบบนี้เช่นกัน โดยทดสอบบนคลื่นความถี่ 1800 และ 2300 MHz คาดว่าอีกำม่นานประเทศของเราน่าจะมีระบบโทรศัพท์ 4G ใช้งานกัน
ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่และแทบเล็ตที่รองรับการทำงานในระบบ 4G นั้นมีอยู่เกือบจะทุกยี่ห้อ ทั้ง iPhone, iPad, Samsung Galaxy, LG และ HTC เป็นต้น